อีเมล์
รหัสผ่าน
ลืมรหัสผ่าน
สมัครสมาชิก
วิธีหนีนรก ตามแนว “หลวงพ่อฤาษีลิงดำ”
12-ตอน-เจอผีสาวสวย-ตายก่อนกำหนด

ตอน : เจอผีสาวสวย-ตายก่อนกำหนด

          สวัสดีครับ ท่านแฟนๆ "ชีวิตต้องสู้" ทุกๆ ท่าน เมื่อคราวที่แล้ว เรากำลังคุยกับ "อ.ตุ้ย เอ็กซเรย์" ถึงตอนที่ว่า อ.ตุ้ย กำลังเดินออกจากบ้านป้าชุบ กำลังเดินลึกเข้าไปในซอย เดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ ลองไปฟังท่านเล่าต่อดีกว่านะครับ

          อ.ตุ้ย เอ่ยปากบอกว่า วันนี้ ผมมีความรู้สึกว่า จิตใจผมไม่ค่อยจะนิ่ง และก็รู้ตัวด้วยว่า  วันนี้ ผมจะต้องเดินไปสัมผัสอะไรสักอย่างแน่ๆ

          ผมเดินออกจากบ้านป้าชุบ เดินลึกเข้าไปในซอยแถวบ้านผม ยิ่งเดินก็ยิ่งลึก ยิ่งเดินก็ยิ่งลึก ผมเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ ซึ่งซอยนี้ เมื่อเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ มันจะไปทะลุกับอีกซอยหนึ่งซึ่งผมจำชื่อซอยไม่ได้แล้ว เพราะเหตุการณ์นี้ มันเกิดขึ้นตั้งแต่ผมยังเป็นเด็ก ถ้านับเวลาก็นานเกือบ 50 ปีแล้ว ผมเดินจนกระทั่ง ผมเห็นบ้านล้างหลังหนึ่ง เป็นบ้านที่ไม่มีใครพักอาศัยอยู่เลย แต่ภาพในจอส่วนตัวของผม กลับปรากฏว่า เป็นภาพสีขาวนวลๆ ภาพขาวนวลก็หมายความว่า "เป็นผีดี" ผมจึงอยากรู้ต่อไปว่า บ้านที่ผีสาวอาศัยอยู่นี้ มันเป็นบ้านของใครกันนะ แล้วมีวิญญาณใดมาพักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้

          ตอนแรกผมคิดจะชวน นายณฤทธิ์ เพื่อนผม ไปเดินสำรวจ หรือไปพิสูจน์ ไปสัมผัสอะไรสักอย่าง แต่ในที่สุด ผมก็ไม่ชวน เพราะ นายณฤทธิ์ ระยะหลังเขาชอบเสพกัญชา ผมจึงไม่อยากติดร่างแหกับเขาไปด้วย เพราะหากไปเจอตำรวจ แล้วมีของกลางอยู่ในตัวแบบที่เราคาดไม่ถึง  เราจะย่ำแย่ เลยสู้อย่าไปยุ่งกับเขาจะดีกว่า

          ผมเดินเข้าไปที่บ้านหลังนี้ทันที พอเดิน "ใกล้เข้าไป-ใกล้เข้าไป" จิตของผมได้รับการสัมผัสจากวิญญาณที่อยู่ในบ้านหลังนี้ว่า อย่าตกใจนะ-อย่ากลัวเขานะผมสัมด้วยจิต รับรู้กับคำพูดประโยคนี้ ยิ่งสร้างความแปลกใจให้ผม และอยากรู้อยากเห็นให้ผมเป็นอย่างมาก ตอนนี้ ผมเดินใกล้ถึงตัวบ้านเขาแล้ว โชคดีที่ผมมีจิตที่แข็งนะ ไม่กลัวอะไรง่ายๆ ผมเห็นร่างผู้หญิงคนหนึ่ง ผมเดาว่าเธอต้องต้องเป็น ผีหรือเป็นวิญญาณอย่างแน่นอน เธอกำลังนั่งหันหลังให้ผม  เธอสวมเสื้อผ้าสีดำแบบชุดคลุม

          ผมนึกในใจทันที มันจะเหมือนในหนังหรือภาพยนตร์ไหมหนอ ที่เวลาเธอหันหน้ามาหาเรา มันจะน่าเกลียดน่ากลัว น่าสยดสยองไหมหนอ ผมคิดในใจอย่างนี้จริงๆ แต่เวลาที่ผมเอ็กซเรย์ ภาพออกมากลับสว่าง สว่างก็หมายถึงดี ไม่น่ากลัว ไม่โดนหลอกแน่ๆ จิตผมได้รับการสัมผัสจากวิญญาณเป็นครั้งที่ 2 ว่า อย่ากลัวเธอ-อย่าตกใจเธอ

 

          **ผู้เขียนถามว่า ภาพที่เธอนั่งหันหลังเป็นภาพของ หญิงคนแก่หรือหญิงสาวแล้วผมยาวหรือผมสั้นครับ ตอนนั้นเวลาประมาณเท่าไรแล้ว ?**

          อ.ตุ้ย กล่าวว่า ภาพที่ผมเห็นส่วนหลังของเธอ เป็นภาพของหญิงสาว ผมยาว อายุน่าจะประมาณ 25-30 ปี เวลาขณะนั้น ประมาณ 2 ทุ่มกว่าแล้ว แต่ตอนนั้น ผมยังไม่รู้ว่า ถ้าเธอหันหน้ามาหาผม ภาพจะน่าสยดสยองหรือไม่ เรียกว่า ผมแทบจะเดินถอยหลังเลยทีเดียว ปกติผมก็เป็นคนที่ไม่รู้จักกลัวเลยนะ กับเรื่องของวิญญาณ แต่สำหรับวันนั้น วิญญาณสาวทำให้ผมรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงได้ ผมต้องคิดแล้วคิดอีกว่า ผมจะทำยังไงดี จะเดินชนเข้าไปหาเธอเลยดีไหม แล้วหน้าตาของผีสาวตนนี้จะเป็นยังไง หลังจากที่ผมมั่นใจในจอส่วนตัวของผมแล้วว่า เป็นภาพสว่างนวล ซึ่งหมายถึงหรือแสดงว่า ดี ผมจึงเริ่มมั่นใจ

          ผมมองเข้าไปในบ้านทางหน้าต่าง ลักษณะคล้ายๆ กระต๊อบ มืดตื๊ดตื๋อ เพราะเป็นบ้านล้างดังที่กล่าวไปแล้ว ส่วนหลังบ้านก็ไม่มีแสงไฟ แม้กระทั่งแสงจาก ดวงจันทร์ สาดส่องให้ความสว่าง ก็ยังไม่มี ส่วนผีสาว ก็นั่งอยู่ตรงกลางด้านข้างของตัวบ้าน ผมตัดสินใจเดินเข้าไปหาผีสาวตนนี้ทันที ผมค่อยๆ เดินเข้าไป เดินเข้าไป เดินทีละก้าว ทีละก้าว ในขณะที่ผีสาว ก็ค่อยๆ หันหน้ามาหาผม ทีละนิด ทีละนิด แต่เป็นการหันที่แปลกที่สุดคือ เธอไม่ได้หันมาเฉพาะหน้า แต่เป็นการหันมาทั้งตัวเลย คือค่อยๆ หมุนมาทั้งตัวเลย ผมกำหนดจิดบอกเธอไปว่า ผมมาดีนะ  ผมมาดี ตอนนั้นผมมีอายุแค่ 12 ปีเท่านั้น ยังถือว่าเป็นเด็กอยู่เลยนะ

          พอเธอหันหน้าพร้อมทั้งตัวมาทางผม ผมถึงกับตะลึงทันที ตะลึงเพราะอะไรรู้ไหม โอ๊ะ ทำไม เธอจึงสวยเช่นนี้ เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก ใบหน้าค่อนข้างขาว แถมยังส่งยิ้มให้ผมอีกต่างหาก ถึงแม้ว่าผมจะยังเป็นเด็กก็จริงอยู่ แต่จิตก็พอจะรู้ว่า เธอมีไมตรีต่อผม เพียงแต่เธอไม่ใช่คน แต่เธอเป็นผี ผมใจชื้นทันที หลังจากที่ได้เห็นใบหน้าของเธอแล้วรู้ว่า ไม่น่ากลัวหรือสยดสยองเหมือนอย่างในหนังที่เคยดู ผมคิดในใจว่า ใบหน้าของเธอดูเรียบๆ ก็จริง แต่ผมรู้สึกว่าเธอสวยมาก ขาวก็ขาว แถมยังยิ้มให้ผมอีก แต่พอผมมองลึกเข้าไปอีกที

          ผมรู้สึกว่าเธอจะมีอาการปนเศร้านิดๆ แต่ผมก็ยังไม่ทราบสาเหตุว่าเธอเศร้าทำไม เธอเศร้าเพราะอะไร พอหลังจากที่เธอหมุนหน้ามาให้ผมเห็นแล้ว แต่ยังไม่ทันได้เห็นเต็มหน้า  ประมาณแค่เกินครึ่งหน้านิดๆ ก็พอจะรู้ว่าเธอมีใบหน้าที่สวยมากๆ จริงๆ แล้วเธอก็หมุนหน้ากลับทันที

          เป็นจังหวะเดียวกับที่วิญญาณ ป้าชุบ เดินมาหาผมพอดี ผมจึงต้องเพ่งจิตไปมอง ป้าชุบ แต่พอหันหน้ากลับมามองวิญญาณผีสาวอีกครั้ง ปรากฏว่า วิญญาณผีสาวทำท่าจะหมดพลัง  วิญญาณไม่สามารถพูดคุยหรือสื่อสารกับผมได้ เธอพูดได้เพียงสั้นๆ ว่า มาเพื่อไป-มาเพื่อไปเธอพูดคำๆ นี้ได้เพียง 2 ครั้งเท่านั้น แล้วไม่ยอมพูดอะไรอีก เธอพยายามก้มหน้าไม่มองผมอีกเลย

 

          **ผู้เขียนถาม อ.ตุ้ย เอ็กซเรย์ ว่า การที่วิญญาณพูดประโยคว่า มาเพื่อไป-มาเพื่อไปคำๆ นี้ อาจารย์พอจะรู้ความหมายหรือไม่ครับ ?**

          อ.ตุ้ย กล่าวว่า ตอนนั้นผมยังไม่รู้ความหมายว่าคืออะไร แต่ผมยังอยากเห็นหน้าเธอแบบเต็มหน้าอีกครั้งหนึ่ง เพราะตอนแรกเธอหันหน้ามาให้ผมเห็นแค่ครึ่งเดียว เกินครึ่งนิดๆ ผมอยากเห็นหน้าเธอแบบ เต็มๆ จะๆเพราะรู้สึกประทับใจเธอมาก อายุของเธอก็ไม่น่าเกิน 25-26 เรียกว่า ยังประทับใจไม่รู้คลาย  ผมกำหนดจิตถามเธอไปว่า มาเพื่อไปหมายความว่าอย่างไร เธอตอบว่า เธอตายโดยยังไม่ถึงอายุไข ยังไม่ถึงวาระที่จะต้องเสียชีวิต เธอจึงต้องรอคอยให้เขามารับที่เรียกว่า มาเพื่อไปอ้อ ที่แท้หมายความว่าอย่างนี้

 

          ผมพยายามจับจิตดูว่า ผู้หญิงคนนี้ คือใคร มาได้ยังไง เธอพยายามยิ้มแบบแห้งๆ กับผม  เธอไม่ตอบผมสักคำ เพียงแค่ครู่เดียว ภาพของเธอก็ค่อยๆ จางหายไป จางหายเหมือนหมดพลัง แต่ก่อนจะไป เธอก็ยังย้ำคำเดิมว่า มาเพื่อไป-มาเพื่อไปตอนนั้น ผมยังไม่ค่อยเชื่อมั่นตัวเองมากนัก ผมต้องทำการหยิกตัวเองเพื่อดูซิว่า มันจะเจ็บหรือมีสติสัมปชัญญะหรือเปล่า ผลปรากฏว่า ก็เจ็บนี่ แสดงว่า ตัวผมไม่ได้ฝันไป สติสัมปชัญญะผมยังดีอยู่  เพราะหยิกแล้วเจ็บเนื้อ

          เวลาที่ผมพบกับวิญญาณผีสาว เป็นเวลาประมาณ 20.00 น. หลังจากที่วิญญาณผีสาวหายตัวไปแล้ว ผมก็เดินทางกลับบ้าน ป้าชุบ ที่ผมเดินทางมาในตอนแรก หลานๆ ของ ป้าชุบ อาทิ อ้น, ศรีแบะ, และ  ณฤทธิ์ ทั้งหมดอยู่ในกลุ่มเดียวกัน ศรีแบะ อายุประมาณ 13 ปี อ้นอายุมากกว่าอีก 2 ปี น่าจะมีอายุประมาณ 15 ปี ส่วน ณฤทธิ์ อายุเท่ากับผมคือ 12 ปี แต่ ณฤทธิ์ เพื่อนผมแสบที่สุด อายุแค่ 12 ปี แต่ริสูบบุหรี่ บางวันก็สูบกัญชา ทั้งหมดเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ผมแค่เดินข้ามสะพานก็มาถึงบ้าน ป้าชุบ แล้ว ก็ถือว่าม้นยังไม่ไกลมากนัก

         

          จากนั้น ผมก็เดินทางกลับไปยังบ้านของผม จำได้ว่าน่าจะเป็นเวลา 3 ทุ่ม (21.00 น.)  ปรากฏว่า คืนนั้น พอผมกลับมานอนที่บ้าน ก็มี "ตวง" และ "หนุย" น้องชายของผมทั้งสอง ตวง ก็อ่อนกว่าผมประมาณ 6-7 ปี ส่วน หนุย ก็อ่อนกว่าผมประมาณ 2 ปี คืนนั้นผมนอนไม่ค่อยจะหลับ แต่ขณะที่กำลังเคลิ้มๆ เกือบจะหลับ ประมาณ 4 ทุ่มคงจะได้ โอ้โฮ ! วิญญาณสาวสวยที่ผมเห็นเมื่อตอนกลางวัน มาอย่างเต็มๆ เลย มาให้ผมเห็นได้อย่างเต็มหน้าและชัดเจน ไม่ต้องมาลุ้นเพื่ออยากเห็นหน้ากันอีกต่อไปแล้ว ผมเห็นหน้าเธอได้อย่างชัดเจน แต่ในสุด ดังที่บอกไปแล้ว วิญญาณทุกวิญญาณที่ได้มีโอกาสมาเจอคนหรือมนุษย์ แล้วสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ วิญญาณก็จะไม่พ้นเรื่อง "ขอกุศล" เป็นอย่างนี้ทุกราย วิญญาณหญิงสาวสวยรายนี้ก็เช่นกัน พอได้มาเจอผมก่อนนอน เธอไม่ลืมพูดคำว่า "กุศล-ขอกุศลด้วย" เหมือนเช่นวิญญาณอื่นๆ แต่เธอขอแบบมีมารยาทนะ เธอไม่ได้ขอแบบคนหิวโหย เธอขอแบบคนเป็นมิตร ขอด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

          ผมมีความรู้สึกตลอดเวลาว่า วิญญาณสาวตนนี้ มาแบบเป็นมิตร มาแบบยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ได้เป็นแบบวิญญาณน่ากลัว ไม่ได้มาแบบหน้าตาสยดสยองอะไร แต่มาคราวนี้ วิญญาณสามารถคุยกับผมได้ เธอบอกกับผมว่า เธอเสียชีวิตด้วยโรคหอบหืด ระบบทางเดินหายใจ เธอหายใจไม่ออก จึงได้ขาดใจตาย เธอบอกว่า เธออยู่หอพักที่เรียกกันว่า หอพักปู่เอ่ยชื่อนี้คนในย่านนี้จะรู้จักกันแทกทุกคน เธอบอกว่า เธอเรียนจบแล้ว กำลังทำงานอะไรของเธออยู่ ก็ป่วยและเสียชีวิตพอดี ทั้งๆ ที่บ้านเดิมของเธออยู่ต่างจังหวัด ผมเคยเล่าให้ท่านผู้ฟังทราบหลายครั้งแล้วว่า เรื่องอะไรที่เกิดขึ้นกับตัวผม ผมจะต้องทำการพิสูจน์ทุกครั้งไปว่า เป็นเรื่องจริงหรือไม่อยางไร เรื่องนี้ก็เช่นกัน ผมจะต้องทำการพิสูจน์ให้ได้

 

          เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่ผมกลับจากโรงเรียนแล้ว เป็นช่วงบ่ายๆ ผมทำการพิสูจน์ทันที ผมเดินไปยัง หอพักปู่เพราะหอพักนี้ หลานปู่เขาเป็นเพื่อนกับผม ตั้งอยู่ในซอยร่วมจิตร ศรีย่าน ผมไปเพื่อจะสอบถามรายละเอียดกับเพื่อนผมว่า พอจะรู้จักกับหญิงสาว ลักษณะผมยาวคนนี้หรือไม่ เพื่อนผมที่ชื่อ ต้อ ที่บอกว่าเสียชีวิตในคุกคนนั้นน่ะ ก็อยู่ในกลุ่มกับเพื่อนคนนี้เช่นกัน เพราะเรื่องที่ผมเล่ามานั้น มันจะสอดคล้องซึ่งกันและกันตลอดเวลา ผมคิดได้แบบไหน อย่างไร ผมก็จะพูดด้วยเหตุและผลที่ผ่านไปในแต่ละช่วงเวลา

          ตอนนั้น คุณปู่ เจ้าของหอพัก ก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่ถือว่ามีอายุมากแล้ว อายุประมาณ 60  กว่าเห็นจะได้ แต่ปัจจุบัน คุณปู่ ได้เสียชีวิตไปแล้ว พอผมเดินเข้าไปถึง หอพักปู่ผมก็ถามเพื่อนผมซึ่งมีชื่อเดียวกับผมว่า "ตุ้ย" เช่นกัน ผมถามตุ้ยว่า ตุ้ย ! ตุ้ย ! ที่หอพักนี้น่ะ ตุ้ย พอจะรู้จักพี่ๆ ที่เป็นนักศึกษา ที่เคยพักอยู่ในหอพักนี้ทุกคนหรือไม่ เพราะนักศึกษาทุกคน ก็ต้องถือว่าเป็นรุ่นพี่อยู่แล้ว

          ตุ้ย ตอบผมว่า มีอะไรหรือ ก็พอจะรู้จักบ้าง ผมบอกเพื่อนผมไปว่า นักศึกษาสาวที่เสียชีวิตระหว่างที่ยังพักอยู่ที่หอพักแห่งนี้ มีบ้างหรือเปล่า เพื่อนผมตอบทันทีว่า ไม่มี ไม่มีแน่นอน เพื่อนผมปฏิเสธเสียงแข็ง แต่เผอิญพี่ขายของเพื่อน ซึ่งนั่งเล่นอยู่ใกล้ๆ แถวนั้น อายุแก่กว่าผมประมาณ 3 ปีชื่อ พี่ตุ๋ย พอได้ยินเข้า ก็ตอบผมทันทีว่า มีสิ ทำไมจะไม่มี ถามทำไมหรือ ตุ้ย ผมตอบพี่ชายเพื่อนไปว่า อ๋อ พี่ตุ๋ย ไม่มีอะไรหรอก มีเรื่องอยากจะรู้นิดหน่อย พี่ตุ๋ย พี่ชายเพื่อนทำท่าใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะตอบผมมาว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เสียชีวิตที่ หอพักปู่นะ เธอกลับบ้านนอกไปแล้ว จึงได้ทราบต่อมาว่า เธอเสียชีวิตลง เสียชีวิตด้วยโรคหอบหืด ระบบทางเดินหายใจล้มเหลว

          พอได้ยินคำว่า เสียชีวิตด้วยโรคหอบหืดผมขนลุกทันที เพราะเป็นข้อมูลที่ผีสาวบอกผมมาแล้วเช่นกัน ผมถาม พี่ตุ๋ย ต่อว่า หน้าตา รูปร่าง ของเธอมีลักษณะอย่างไร พี่ตุ๋ย ตอบทันที โอ้ สวยมากเลย ตุ้ย  ผมยาวประบ่า ใครเห็น ใครก็รัก ใครเห็นใครก็ชอบ เพราะเธอสวยมากจริงๆ อายุก็น่าจะเดาได้ว่า ประมาณระหว่าง 25-30 ปี เพราะยังดูสวยและไม่แก่เลย พี่เขาเรียนจบแล้วนะ กำลังทำงานทำการ แต่ก็ยังพักอยู่ที่หอ ไม่ยอมย้ายไปไหน นิสัยยังดีอีกต่างหาก

          แต่ตอนหลังพี่เขาไม่ค่อยสบาย เลยกลับไปรักษาตัวที่บ้าน จากนั้น ก็ไม่กลับมาอีกเลย ตอนหลังจึงได้ทราบข่าวว่า พี่เขาเสียชีวิตด้วยโรคหอบหืด ระบบทางเดินหายใจขัดข้อง ถือว่าน่าเสียดายมากเลย ที่คนกำลังจะมีอนาคต แต่ต้องมาเสียชีวิตเสียก่อน

          พอผมได้ยินมาเช่นนี้แล้ว ชัดเลย ชัดมาก ชัดที่สุด สิ่งที่ผมพบผมเห็น เป็นของจริง ไม่ได้เพ้อฝันไป ไม่ได้คิดไปเอง แต่ตอนนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างมีหลักมีฐานแล้ว จากนั้น ผมก็ล่ำลา พี่ตุ๋ย และเพื่อนผม เพราะ คุณแม่สุมาเรศ สอนผมมาดี คอยอบรมสั่งสอนให้ผม พูดจาต้องไพเราะ ไปไหน-มาไหน ต้องมีสัมมาคารวะ และหลังจากที่ผมได้ล่ำลา "พี่และเพื่อน" เมื่อกลับถึงบ้านแล้ว

 

          เรื่องนี้ผมพอจะสรุปเรื่องนี้ได้ว่า วิญญาณทุกวิญญาณ ทุกช่วงเวลา เมื่อยังไม่ถึงเวลา มันจะมีอยู่จุดหนึ่ง การที่จะกลับมาหรือจะกลับไป ต้องรอเวลาที่เหมาะสม แต่เมื่อวิญญาณได้ออกจากร่างไป หรือที่เรียกันว่า "ได้ตายไปแล้ว" อาจจะปรากฏให้ญาติ ให้เพื่อน ได้เห็นเป็น รูป รส กลิ่น เสียง ใดๆ ได้ แต่ไม่สามารถที่จะสร้างบุญสร้างกุสลด้วยตนเองได้อีกต่อไป ต้องรอคอยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือ รอคอยคนที่วิญญาณสามารถติดต่อได้ แล้วบอกให้เขาช่วยอุทิศส่วนกุศลไปให้แทบทุกรายทีเดียว

          เพราะฉะนั้น ท่านผู้อ่านทุกท่านจงช่วยจำไว้ให้แม่นว่า ในระหว่างที่เกิดเป็นคน หรือเกิดเป็นมนุษย์ จะต้องหมั่นสั่งสมบุญสั่งสมกุศลให้มากๆ เข้าไว้ ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ทำ เมื่อถึงเวลาที่จะต้องละจากโลกนี้ไป วิญญาณจะได้มีบุญมีกุศลติดตัว ให้เราได้นำไปใช้ในสัมปรายภพ กล่าคือ ทำความดีมามาก ได้ไปเกิดในที่สุคติ แต่ถ้าทำความชั่วมามาก ก็ต้องไปเกิดในที่ทุกข์คติ สมดังคำสอนของ พระพุทธองค์อย่างเที่ยงแท้แน่นอนที่สุด.

 

-ณัชพล เทพนิมิต-

 
ผู้ชม
วันนี้ 1
เมื่อวาน 106
ทั้งหมด 24,495,865
ชมหน้าอื่นๆ
วันนี้ 1
เมื่อวาน 134
ทั้งหมด 41,773,048

www.kontatiptv.com  © 2018 All rights reserved.

 
เว็บสำเร็จรูป
×