อีเมล์
รหัสผ่าน
ลืมรหัสผ่าน
สมัครสมาชิก
วิธีหนีนรก ตามแนว “หลวงพ่อฤาษีลิงดำ”
11-ตอน-หลังป้าชุบตายวิญญาณไม่ไปไหน

ตอน : หลังป้าชุบตาย วิญาณไม่ไปไหน

          สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน สัปดาห์นี้ ผม "ณัชพล เทพนิมิต" จะพาท่านผู้อ่านไปหวนระลึกถึงเมื่อครั้งที่ "อ.ตุ้ย เอ็กซเรย์" ยังเด็กๆ เช่นเคยนะครับ ตอนนั้นท่านมีอายุเพียงแค่ 10 ขวบเศษๆ เท่านั้น เช่นเดิม บ้านก็อยู่แถว ศรีย่าน อ.ตุ้ย มีความประทับใจ คุณป้า ข้างบ้านคนนี้มาก ท่านมีศักดิ์เป็นป้าแท้ๆ ของเพื่อน เนื่องจากคุยกันถูกกคอ ทุกครั้งที่ อ.ตุ้ย แวะไปหาเพื่อน ป้าท่านนี้ ก็จะต้องนำขนมนมเนยออกมาให้การต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งชวน อ.ตุ้ย นั่งคุย ก็เลยรู้สึกนับถือท่านเหมือนเป็นป้าแท้ๆ คนหนึ่งทีเดียว สมมติชื่อท่านว่า "ป้าชุบ" ก็แล้วกันนะครับ ต่อไปนี้ ลองไปฟัง อ.ตุ้ย เล่าโดยตรงจะดีกว่าครับ

 

          ท่านผู้อ่านครับ "ตุ้ย เอ็กซเรย์" เคยเรียนท่านผู้อ่านเสมอๆ ว่า สามารถสัมผัสกับผีหรือวิญญาณมาตั้งแต่จำความได้ ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณแบบไหน อย่างไร ซึ่งถ้าผมเปิดภาพในการมองแต่ละครั้ง ที่จริงมันเป็นมิติซ้อนมิติ บางทีมันลึกลับหรือสลับกันไปสลับกันมา แต่การสัมผัสของผมในแต่ละช่วงเวลา มันเป็นประสบการณ์ในชีวิตของผม

          แต่สำหรับวันนี้ ผมจะเล่าเรื่องย้อนกลับไปในสมัยที่ผม มีอายุประมาณ 12-13 ขวบเท่านั้น ก็ถือว่ายังไม่ได้โตนัก ท่านผู้อ่านคงจะเคยได้ยินผมเล่าเรื่องของ ป้าเพี้ยน มาบ้างแล้วนะครับ ซึ่งสวนของ ป้าเพี้ยน ก็อยู่ใกล้ๆ กับบ้านของผม เหตุการณ์คราวนั้น มันเกิดขึ้นในสวนที่อยู่ใกล้ๆ กับ สวนป้าเพี้ยน  เป็นป้าอีกคนหนึ่งที่มีบ้านตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับบ้านผมเลย ค่อนมาทางฝั่งขวามือ ช่วงเวลาวันหยุดเรียน หรือวันที่ว่างจากภารกิจอะไรก็แล้วแต่ ผมจะข้ามมาฝั่ง ซอยร่วมจิตร มีลักษณะเป็นคลอง มีบ้านเป็นลักษณะสวนเหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกับ สวนป้าเพี้ยน กล่าวคือ สวนป้าเพี้ยน จะมีต้นไม้เยอะแยะเต็มไปหมด เรียกว่ามีลักษณะเป็นสวนจริงๆ แต่สวนที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามหรือเยื้องกับ สวนป้าเพี้ยน แห่งนี้ ต้นไม้ก็ไม่ได้มีมากมาย ดูลักษณะโล่งๆ เตียนๆ แดดเปรี้ยงๆ ร้อนๆ มากกว่า สวนป้าเพี้ยน

          ท่านผู้อ่านทุกท่านครับ เมื่อคราวนั้น ผมเคยเล่าว่า พอผมไปหาเพื่อนทีไร ก็จะเจอ คุณป้าของเพื่อน ป้าคนนี้ ผมจะเรียกชื่อท่านว่า ป้าชุบ ซึ่งป้าชุบ ก็จะนำขนมนมเนยออกมาต้อนรับผมทุกครั้งไป  นำออกมาให้ผมทานทุกครั้งที่ผมไปบ้านของท่าน  เรียกว่า เป็นป้าผู้ใจดีของผม จนกระทั่งมีอยู่วันหนึ่ง ผมเห็นภาพป้าชุบ "เป็นสีดำ" ตอนนั้นผมยังเอ็กซเรย์ หรือ "ทำนาย-ทายทัก" ไม่เก่ง ยังไม่รู้ว่า ภาพสีดำ หมายถึง "วันแห่งความตาย" จนกระทั่งต่อมา เพื่อนได้บอกผมว่า ป้าชุบ ถูกหามส่งโรงพยาบาลกลางดึก และต่อมาได้เสียชีวิตลงด้วย "โรคปอด" แต่มันไม่ได้จบเพียงแค่นี้ครับ  

          กล่าวคือ หลังจากที่ ป้าชุบ ได้เสียชีวิตลงไปแล้ว ผมก็ยังไปหาเพื่อนผมหลาน ป้าชุบ ตามปกติ ช่วงเวลานั้น ป้าชุบ เสียชีวิตไปยังไม่ถึงเดือน แต่ผมมีความรู้สึกว่า ป้าชุบ ยังไม่ได้ไปไหน คำว่ายังไม่ได้ไปไหน ไม่ใช่หมายความว่า ป้าชุบ ยังไม่เสียชีวิตนะครับ แต่ผมหมายความว่า วิญญาณป้าชุบ ยังไม่ได้ไปไหน วิญญาณป้าชุบ ยังคงป้วนเปี้ยน วนเวียน อยู่บริเวณในบ้านของท่านแห่งนี้แหล่ะ

          เพราะภาพที่ผมเห็นนั้น ก่อนอื่นต้องเล่าให้ทราบก่อนว่า บ้านหลังนี้ มันมีม้านั่งอยู่ตัวหนึ่ง สมัยที่ป้าชุบ ยังไม่เสียชีวิต ผมมักจะมานั่งคุยกับป้าชุบที่ม้านั่งตัวนี้ ผมจะมานั่งเป็นประจำ ขณะที่ป้าชุบ ก็จะนำขนมนมเนยมาให้ผมทานที่บริเวณ ม้านั่ง ตัวนี้เป็นประจำเช่นกัน

 

          อยู่มาวันหนึ่ง ผมไปหาเพื่อนผม ที่บ้านหลังนี้ เพื่อนผมก็คือคนที่มีศักดิ์เป็นหลานแท้ๆ ของ ป้าชุบ ขณะที่ผมกำลังเดินเข้าไปในบ้านหลังดังกล่าว ปรากฏว่า ได้มีแรงลมวิ่งเข้ามาปะทะกับตัวผมอย่างแรง เป็นลมเย็นๆ มีกลิ่นโชยตามหลังแบบหอมๆ อ่อนๆ แต่เป็นกลิ่นแบบ น้ำอบไทย แบบนั้น ผมรู้โดยสัญชาติญาณและประสบการณ์ว่า ลมเย็นๆ กลิ่นหอมอ่อนๆ แบบน้ำอบไทยอย่างนี้ ต้องเป็นกลิ่นของ ป้าชุบ อย่างแน่นอน

 

          **ผู้เขียนซักถามทันที เอ๊ะ ! อ.ตุ้ย ครับ อาจารย์เจอลมวิ่งเข้ามาปะทะตัวแบบเย็นๆ  พร้อมได้กลิ่นหอมแบบน้ำอบไทย โชยมาอ่อนๆ แบบนี้ แต่อาจารย์ไม่สามารถเห็นภาพของวิญญาณ ป้าชุบ ในลักษณะที่กำลังมาหามาพบเราอย่างนั้นหรือครับ ?**

          อ.ตุ้ย เอ็กซเรย์ กล่าวว่า ขอบคุณที่ถามครับ ผมเคยพูดมาหลายครั้งแล้วว่า  วิญญาณมาได้ในหลายลักษณะ บาท่านก็มาให้เราเห็นได้อย่างชัดเจน พวกนี้จัดอยู่ในลักษณะเป็นวิญญาณที่มีพลัง แต่บางท่านก็อาจมาเป็นกลิ่น พวกนี้ถือว่ายังเป็นวิญญาณที่มีพลังอ่อน หรือ ยังมีพลังน้อย แต่ที่ผมได้สัมผัสกับ ป้าชุบ ในวันนั้น ก็แสดงว่า ป้าชุบ ยังมีพลังที่มีลักษณะไม่แข็งมาก ไม่มีพลังมาก แต่ ป้าชุบ ก็พยายามรวบรวมให้เป็นพลังที่อยากจะสื่อสารให้ผมได้รับรู้ว่า ท่านมาอยู่ใกล้ๆ ผมแล้วนะ ถึงแม้ว่าจะเป็นพลังที่ยังดูอ่อนๆ ก็ตาม แต่อาจเป็นเพราะเมื่อตอน ป้าชุบ ยังมีชิวิตอยู่นั้น ผมกับท่านมีความสนิทสนมกันมากเป็นพิเศษ และด้วยความเอ็นดูของท่าน ถึงแม้ว่าท่านยังเป็นวิญญาณอยู่ก็ตาม

 

           ผมทำการเอ็กซเรย์ทันทีว่า ทำไม ป้าชุบ ซึ่งเสียชีวิตมานานเกือบเดือนแล้ว ป้าชุบ จึงยังไม่ไปเกิด หรือไม่ไปรับคำตัดสินจาก สำนักพระยายมราช เสียที เพราะ สำนักพระยายมราช นั้น หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เคยบอกว่า เป็นสำนักสำหรับช่วยเหลือวิญญาณคนที่ตายไปแล้ว ไม่ใช่สำนักสำหรับตัดสินลงโทษวิญญาณที่ตายเท่านั้น เท่าที่ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เคยสั่งสอนพวกเรามา เวลาทำบุญทุกครั้ง ให้อธิษฐานขอให้ท่าน พระยายมราช เป็นสักขีพยานในการทำบุญทุกครั้งไป หากตายลงเมื่อไร แล้วบังเอิญยังมีกรรมหนัก ที่ทำให้เราระลึกถึงบุญกุศลที่เคยทำไว้ไม่ได้เลย ท่านพระยายมราช ท่านจะถามเรามากถึง 3 ครั้ง ถ้าเรายังตอบไม่ได้ก็แสดงว่า เรายังมีกรรมชั่วมากว่ากรรมดี จนทำให้เราไม่สามารถระลึกถึงบุญกุศลที่เคยทำมาก่อนได้แม้สักบุญเดียวหรือแม้สักครั้งเดียวก็ยังไม่ได้ ปกติถ้าใครระลึกถึงบุญกุศลที่เคยทำมาไม่ได้ สำนักพระยมราช จะต้องส่งเราไปนรก หรือ ไปอเวจีมหานรกทันที แต่ถ้าใครเคยอธิษฐาน ขอให้พยายมราชเป็นสักขีพยานในการสร้างกุศลแม้สักครั้งเดียว คราวนี้แหล่ะ ท่านพระยายมราช ก็จะเป็นผู้เอ่ยขึ้นมาเองว่า สมัยที่บุคคลคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ เขาเคยอธิษฐานขอให้ข้าฯเป็นสักขีพยานในการสร้างบุญสร้างกุศลทุกครั้งไป เมื่อข้าฯ ซักถามเขามากถึง 3 ครั้งแล้ว เขาก็ยังจำไม่ได้ ดังนั้น ข้าฯ จึงต้องเป็นสักขีพยานให้กับบุคคลคนนี้ว่า เขาเคยทำบุญอะไรมาบ้าง พูดจบ ท่านพระยายมราช ก็จะส่งวิญญาณตนนี้ หรือวิญญาณของเราที่กำลังรับคำตัดสินขณะนี้ ให้ไปเสวยสุขอยู่บนแดนสวรรค์เสียก่อนทันที ส่วนจะเป็นแดนไหนนั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับบุญเก่าที่เราเคยทำมา จะสามารถทำให้เราไปอยู่ในชั้นไหนได้บ้าง

          แต่กรรมที่เคยทำไว้ก็ยังไม่หมดนะ ถ้าหมดบุญจากสวรรค์เมื่อไร เราก็ต้องดิ่งลงสู่อเวจีมหานรกทันที เพราะกรรมนั้นมันไม่หายไปไหน มันมีทั้งดีและชั่ว คละเคล้ากันไป แต่กว่าจะถึงวันนั้น วันที่จะต้องไปรับกรรมในนรก ก็คงต้องเสวยสุขอยู่บนสวรรค์นานนับล้านๆ ปีทีเดียวเช่นกัน เพราะอายุของสวรรค์ หรือ อายุของอเวจีมหานรกนั้น มันมีเวาลานานมากๆ นับหลายล้านๆ ปีทีเดียว เมื่อเทียบกับโลกมนุษย์ เรียกว่า ถ้าสุข จะสุขนานแค่ไหน แล้วถ้าทุกข์ ก็จะทุกข์นานแค่ไหน ตรงนี้ ลองไปเปรียบเทียบทบทวนดู ทั้งหมดนี้ เป็นคำสอนที่ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ แห่ง วัดท่าวซุง จังหวัดอุทัยธานี เป็นผู้สอนและชี้แนะเหล่าศิษย์ยานุศิษย์ของท่านนั่นเอง ท่านบอกด้วยว่า นี่เป็นคำชี้แนะของท่าน พระยายมราช โดยตรง ฝากให้ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ช่วยสอนลูกศิษย์ทุกคนไว้ อนาคตจะได้ไม่ต้องตกระกำลำบาก ท่านพระยายมราช ยังบอกด้วยว่า  ลูกหลานของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ก็เหมือนกับลูกหลานของท่านพระยายมราช เพราะในอดีตชาตินั้น ท่านหลวงพ่อฤาษีลิงดำ กับ ท่านพระยายมราช ก็มีศักดิ์เป็นลุงกับหลานมาก่อนนั่นเอง

 

          สรุปว่า ด้วยความเอ็นดูของ ป้าชุบ ที่มีต่อผม (อ.ตุ้ย เอ็กซเรย์) แม้กระทั่งเป็นวิญญาณแล้ว ป้าชุบ ก็ยังเป็นห่วงหลานของท่านและตัวผม ยังคอยรวบรวมพลังจิต เข้ามาคอยสัมผัสกับผมและหลานของท่านนั่นเอง แต่ด้วยมโนจิตของผม ผมกำหนดจิตถาม ป้าชุบ ไปว่า ทำไม คุณป้า ซึ่งเสียชีวิตมาเกือบเดือนแล้ว ทำไมคุณป้า จึงยังไม่ไปอยู่ในสถานที่ๆ ควรอยู่เสียทีล่ะ ทำไม คุณป้า จึงยังต้องคอยป้วนเปี้ยนอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวอยู่อีก

          คำตอบที่ผมได้รับจาก ป้าชุบ คือ รอคอย-รอคอยพร้อมกันหมายความว่าอะไรนะ  อ.ตุ้ย เอ็กซเรย์ นึกอยู่ในใจ คำว่า รอคอยพร้อมกัน ตอนนั้น ผมยังตีโจทย์คำนี้ไม่แตก มันหมายความว่าอะไรนะ "รอคอยพร้อมกัน" รอคอยใครกันแน่ มันรู้ได้แบบสัมผัสทางจิต ไม่ถึงขนาดมีเสียงเข้ามาสัมผัสที่รูหูของผมทั้งสองข้างนะ แต่ผมสัมผัสได้ว่า ป้าชุบ มาด้วยความเป็นมิตร มาด้วยความสดชื่น มาด้วยอดีตที่มีความสนิทสนมกัน ระหว่างป้ากับหลาน ผมรู้เพียงเท่านี้ ผมตัดสินใจเดินออกจากบ้านทันที

 

          ระหว่างที่กำลังเดินทางออกจากบ้านของป้าชุบ ในใจก็นึกแต่คำว่า รอคอยพร้อมกัน-รอคอยพร้อมกัน  ป้าชุบ ต้องการรอคอยพร้อมกับใครนะ เพราะภายในบ้านของ ป้าชุบ นั้น มีเด็ก วัยรุ่น-วัยหนุ่ม พักอาศักกันอยู่หลายคน แต่ผมก็ยังไม่ถึงขนาดต้องมาวิตกกังวลอะไร เพียงแต่นึกอยู่ในใจว่า แล้วใครล่ะ ที่จะต้องเดินทางไปพร้อมกับป้าชุบ ซึ่ง ป้าชุบ ได้ตายไปแล้วนี่

          หมายความว่า คนที่จะไปพร้อมกับ ป้าชุบ หรือ คนที่ ป้าชุบ กำลังรอคอยให้ไปพร้อมกันได้นั้น ก็ต้องหมายถึงคนที่ตายจากความเป็นคนไปแล้วเช่นกัน จึงจะเดินทางไปพร้อมกับ ป้าชุบ ได้ ตอนนั้น ผมยังเป็นเด็ก ความสามารถในการเอ็กซเรย์ ยังไม่ชำนาญ บางสิ่งบางอย่างจึงไม่ค่อยจะรู้เช่นกัน แต่ก็รู้จักคำว่า ขาว-เทา-ดำแล้ว ผมรู้จักการวิเคราะห์สีเหล่านี้เป็นอย่างดีว่า สีอะไร มันหมายความว่าอย่างไร ผมก็นึกถึงแต่ละบุคลคล ซึ่งเป็นญาติๆ หลานๆ ของ ป้าชุบ นั่นเอง อาทิ นายอ้น ภาพก็ยังขาว ขาวก็หมายความว่ายังไม่เป็นอะไร ยังมีชีวิตที่ยืนยาว ยังไม่ล้มหายตายจากในระยะนี้

          แต่พอผมมาเอ็กซเรย์ นายณฤทธิ์ เอ๊ะ ! ภาพออกมาเป็น ดำ-เทา-ขาวสลับกับ ขาว-เทา-ดำภาพออกมาอย่างนี้ผมรู้สึกแปลกๆ ทันที เพราะภาพออกมาแบบนี้ ผมไม่ค่อยได้พบเห็น สำหรับบุคลิกของ นายณฤทธิ์ นั้น เป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยชอบพูดชอบจากับใคร ตอนแรกๆ รู้ว่าเขาชอบสูบบุหรี่ แต่ตอนหลังๆ รู้ว่าเขาเริ่มไปสูบกัญชา และระยะหลังผมกับ นายณฤทธิ์ ก็ไม่ค่อยได้เจอกันสักเท่าไร เพราะผมไม่ค่อยได้แวะมาที่บ้าน ป้าชุบ จนกระทั่ง

          มีอยู่วันหนึ่ง ผมก็มาที่บ้าน ป้าชุบ อีก มาเพื่อดูทีวีกับหลานๆ ของท่าน แต่คราวนี้ ผมไม่ได้สัมผัสกับ ป้าชุบ แม้สักนิดเดียว สร้างความแปลกใจให้กับผมเป็นอย่างมาก มันไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆ  ที่ผมมาทีไร ก็จะได้สัมผัสกับ ป้าชุบ ทุกที ซึ่งเว้นระยะห่างเพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้น แต่เอ๊ะ ! กลับมีภาพทมึนดำ ซึ่งไม่ใช่วิญญาณของ ป้าชุบ วิ่งเข้ามาสัมผัสกับตัวผม มันเข้ามาในจอส่วนตัวของผม จนดำมืดแบบไม่เห็นอะไรเลย ผมรู้ทันทีว่า วิญญาณตนนี้ เป็นวิญญาณไม่ดี มันดำมืดจนผมมองไม่เห็นอะไร ได้แต่ใช้จิตสัมผัสเพียงอย่างเดียว ตอนนั้น ผมยังเป็นเด็ก ยังไม่รู้จักการควบคุมภาพให้มองเห็นชัดเจนเหมือนอย่างตอนนี้

 

          **ผู้เขียนถามว่า ภาพในจอส่วนตัวของอาจารย์ มันเป็นจอขนาดไหน เป็นจอสี่เหลี่ยมผืนผ้า หรือ เป็นจอสี่เหลี่ยมจัตตุรัส ภาพที่เห็นในจอ คล้ายๆ กับการดูทีวีใช่หรือไม่ ?**

          อ.ตุ้ย กล่าวว่า มันเป็นจอสี่เหลี่ยมจัตตุรัส ขนาดเล็กๆ ไม่ถึงฟุต จะบังคับให้เล็กกว่านั้นก็บังคับได้ มันขึ้นอยู่กับตัวผมว่า จะมองได้ชัดมากน้อยแค่ไหน แรกๆ เมื่อตอนนั้น ผมยังบังคับมันไม่ค่อยได้ ยังบังคับไม่ค่อยเป็น แต่ปัจจุบันคล่องแล้ว จะบังคับยังไงก็ได้ แล้วแต่ว่าผมจะดูแบบเล็ก หรือแบบใหญ่ บางทีบีบให้เหลือแค่นิ้วเดียวก็ยังได้ หรือจะบีบให้เหลือแค่คืบเดียวก็ได้ มันขึ้นอยู่กับตัวผมว่า ต้องการแบบไหน เพียงไร

          เมื่อมันเป็นจอดำ มองไม่เห็นอะไรเลย ผมจึงต้องใช้จิตสัมผัส จึงได้รู้ว่า ช่วงนี้ ป้าชุบ หมดพลัง ไม่สามารถติดต่อใครได้เลย อาจเป็นเพราะ ป้าชุบ ใช้พลังบ่อยเกินไป ใช้มากจนหมด หมายความว่าช่วงนี้ ป้าชุบ ต้องพัก พักในช่วงระยะเวลาพอสมควร เพราะที่ผ่านมา ป้าชุบ อาจไมได้มาพบผมเพียงคนเดียวเท่านั้น ป้าชุบ อาจไปปรากฏตัวให้ญาติๆ หลานๆ เห็นก็ได้ เรียกว่าใช้พลังมากเกิน จนในที่สุดพลังก็หมด จึงต้องพักก่อน พักในระยะเวลาพอสมควร ตรงนี้ผมใช้จิตสัมผัสได้ จึงได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร

          แต่ที่ผมเคยเล่าไปหลายครั้งแล้วว่า วิญญาณมีทั้งดีและไม่ดี สำหรับ ป้าชุบ ถือว่าเป็นวิญญาณที่ดี แต่เพียงครู่เดียว วิญญาณที่ไม่ดีก็มาอีกแล้ว มันมีเสียงดังฮึ่มๆๆ ให้ผมได้ยิน แต่คนอื่นอาจไม่ได้ยินอะไรเลยก็ได้ แต่สำหรับผมได้ยินชัดมาก ดังฮึ่มๆ มาแต่ไกล แต่วิญญาณนี้มาแปลก มาแบบสะเปะสะปะ มาถึงก็แหวกจอออกมาเลย เรียกว่าเหมือนกับแหวกจอจนขาดกระจุย โผล่ทั้งตัวทั้งหน้าออกมาแบบแบนๆ เรียกว่าทำลายจอของผมทีเดียว ผมถึงบอกว่า มันมาแบบแปลกๆ สามารถทำให้ผมตกใจได้ เรียกว่า ลักษณะแบบนี้ ไม่เคยเจอ พอทะลุจอออกมา ก็มีกลิ่นเหม็นตามมาด้วย กลิ่นเหม็นก็คล้ายๆ กลิ่นหมาเน่า หนูตาย หรือกลิ่นซากศพยังไงยังงั้น ผมต้องส่งกระแสจิตไปว่า เดี๋ยวจะทำบุญอุทิศกุศลไปให้ อธิษฐานเพียงเท่านี้ วิญญาณตนนี้ก็หายไปทันที ผมคาดเดาว่า วันนี้ ผมคงต้องไปเจอวิญญาณอะไรอีกสักอย่างแน่ ในระหว่างที่ผมกำลังเดินเข้าไปใน ซอยบ้านป้าชุบ ซอยนั้น ผมทำหน้าที่เดินต่อไปเรื่อยๆ เดือนไปเรื่อยๆ ผมรู้ตัวล่วงหน้าว่า ถ้าผมเดินไปเรื่อยๆ เดี๋ยวผมจะต้องเจออะไรสักอย่างแน่ๆ ผมจึงยังไม่ยอมหยุด ผมเดินต่อไปเรื่อยๆ จะลองดูซิว่า ผมจะเดินไปเจออะไรเข้า ก็ขอให้ท่านผู้อ่านคอยติดตามฉบับหน้าก็แล้วกันนะครับ.

 

-ณัชพล เทพนิมิต-

////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

 

 

 
ผู้ชม
วันนี้ 28
เมื่อวาน 104
ทั้งหมด 24,496,494
ชมหน้าอื่นๆ
วันนี้ 36
เมื่อวาน 115
ทั้งหมด 41,773,778

www.kontatiptv.com  © 2018 All rights reserved.

 
เว็บสำเร็จรูป
×